Loading...
Loading...
Loading...


Loading...
Loading...
Loading...

AWARD

รางวัล




โครงการรางวัลยุวศิลปินไทย ปี 2560

YOUNG THAI ARTIST AWARD 2017



สาขาวรรณกรรม

LITERATURE





ภานุพงศ์ จิตรทศ

PANUPONG

JITTOS



การศึกษา

คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

Education

Faculty of Painting, Sculpture and Graphic Arts, Silpakorn University

ประวัติการแสดงผลงาน

2560

นิทรรศการแสดงผลงาน “(ไทย) ทีนสปิริต” (เครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์)

2559

นิทรรศการ ‘SYNCHONIZING PERCEPTION’ Silpakorn University Sanamchan"

2559

นิทรรศการ “Sea Side Shade”"

Achievement

2017

Exhibition “Thai Teen Spirit” (UNC)

2016

Exhibition ‘SYNCHONIZING PERCEPTION’ Silpakorn University Sanamchan"

2016

Exhibition “Sea Side Shade”"




ในกาลเวลาที่ผู้คนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว เสมือนอยู่ในโลกที่มีแต่ความเคว้งคว้างไร้ซึ่งวิถีชีวิตและจิตวิญญาณ พวกเขาไม่สนใจและเมินเฉยต่อความรู้สึกของคนรอบข้างและนับวันอาการแบบนี้เริ่มกัดกินร่างกายและจิตใจของพวกเขามากขึ้น ผู้คนในแอเรียทั้งหมดดำเนินชีวิตไปตามเส้นทาง และมิอาจออกจากกรอบที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้ ในระหว่างการมีชีวิตก็เหยียบย่ำความสุขของผู้อื่นด้วยเช่นกัน พวกเขามิได้รู้ตัวถึงสิ่งที่ตนกระทำโรคร้ายบดบังตาเขา สิ่งใดมาเพื่ออยู่รอด สิ่งนั้นต้องกอบโกย และมันคือแรงปรารถนาอันบ้าคลั่งเสมือนพาย




ชื่อผลงาน

อิกนอร์

ปีที่แต่ง

2560

ประเภท

นวนิยาย


Title of Work

Ignore

Year of Product

2017

Category

Novel



แรงบันดาลใจ

ข้าพเจ้าสัมผัสถึงผู้คนในสังคมที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในยุคปัจจุบัน เช่น การมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงบวกต่อสถานการณ์รอบข้างน้อยลง อาจเป็นเพราะเทคโนโลยีที่สามารถรองรับความต้องการต่างๆ รวมถึงรองรับอารมณ์ความรู้สึกด้วยเช่นกัน ดังนั้นผู้คนในสังคมจึงเลือกที่จะระบาย ความทุกข์ ความเศร้า ความสนุก หรือความต้องการผ่านเทคโนโลยีแทน ทําให้ระยะห่างทางความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และมนุษย์ รวมถึงธรรมชาติไกลห่างกันออกไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยาย ขนาดสั้นที่ชื่อ ‘อิกนอร์’

Inspiration

I feel that people in society has changed. They have less positive interaction. It maybe because the technology can respond the various needs and support the mood as well. So people choose to release their suffering, sadness, fun and desire through technology. As a result, the gap between man and man as well as man and earth becomes apart more and more. All these inspires me to write this short novel called “Ignore”.


แนวความคิด

ข้าพเจ้าจําลองเหตุการณ์หรือโลกในวันข้างหน้า วันที่มนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กันน้อยลง เพราะเทคโนโลยีล้ำสมัยที่อํานวยความสะดวกมากจนเกินไป ทําให้พวกเขาพึ่งพาอาศัยกันน้อยลง จนเกิดเป็นความเมินเฉย และเย็นชาต่อเหตุการณ์รอบกายกระทั่งก่อเกิดเป็นโรคร้าย ที่เรียกว่า “อิกนอร์”

Concept

I reated the situation or futuristic world in the story. We’re come to day of less human contacts because of too much advancing convenience technologies. People depend on one another less and less until it becomes ignorance and coldness to incidents around themselves. Then, the day of the deadly disease called “ignore” has come.


เนื้อหาในบทประพันธ์อย่างย่อ

ในกาลเวลาที่ผู้คนไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว เสมือนอยู่ในโลกที่มีแต่ความเคว้งคว้างไร้ซึ่งวิถีชีวิต และจิตวิญญาณ พวกเขาเมินเฉยและไม่สนใจต่อความรู้สึกของคนรอบข้าง และนับวันมันเริ่มกัดกินจิตวิญญาณพวกเขาทีละน้อย จนเหือดแห้งลงในที่สุด ก่อเกิดเป็นโรคร้ายที่เรียกว่า อิกนอร์ กระนั้นยังมีกลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง และพยายามหาหนทางออกให้กับผู้คน และบ้านเมืองที่พวกเขาอยู่อาศัย ทว่ากลับพบเจออุปสรรคมากมาย เสมือนปลายทางแห่งแสงสว่างที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างริบหรี่

Synopsis

In time of no interaction between man and surroundings, it seems like living aimlessly, emptily and soullessly. People are cold and could not care less with the others around them, It begins to erode their soul gradually until their souls dry out. Then comes the daily disease called “Ignore”. Yet, there is a group of people standing up for a change and trying to find ways out for all men. They face tons of obstacles. It is like the light at the end of the tunnel being dimmer and farther.